เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ที่สถาบันโรคผิวหนัง นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ ประธานคณะอนุกรรมการประเมินและติดตามประสิทธิภาพเครื่องมือทางการแพทย์ และหัตถการโรคผิวหนัง สมาคมโรคผิวหนังแห่งประเทศไทย แถลงข่าว "การฉีดโบท็อกซ์ และสารเติมเต็มอย่างไรให้ปลอดภัย" ว่า ปัจจุบันกระแสความนิยมการใช้โบท็อกซ์เพื่อความงามตามกระแสเกาหลีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากจำนวนผู้เข้ามารับบริการที่สถาบันโรคผิวหนัง จากปกติเฉลี่ยเดือนละ 10 คน กลับเพิ่มขึ้นถึงเดือนละ 100 คน ซึ่งจะมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้ง อายุเฉลี่ยของผู้ใช้บริการต่ำลงเรื่อยๆ อยู่ที่อายุ 19-20 ปี ซึ่งประเด็นนี้ยังเป็นที่ถกเถียงว่า การฉีดในกลุ่มอายุน้อยจะมีผลกระทบในระยะยาวด้วยหรือไม่
นพ.จินดากล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ คือ ผลข้างเคียงจากการใช้ โดยโบท็อกซ์จัดเป็นสารสกัดจากแบคทีเรีย ที่เรียกว่าคลอสตริเดียมโบทูลินั่ม ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวที่พบในหน่อไม้ปี๊บ มีพิษต่อร่างกาย ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของระบบปลายประสาท ทำให้กล้ามเนื้อขยับตัวน้อยลง ไม่ถูกใช้งานจนทำให้กล้ามเนื้อลีบ และหากใช้มากหรือไม่ถูกต้องมีสิทธิเข้ากระแสเลือด เสียชีวิตได้ ในกรณีที่ฉีดคิ้วไม่ให้ตกหรือบริเวณรอบดวงตา หากฉีดไม่ถูกต้อง หรือใช้ปริมาณมากเกินไป หรือใช้สารไม่มีความบริสุทธิ์พอ อาจส่งผลต่อสายตาให้เห็นภาพซ้อนหรือหนังตาตก จนส่งผลต่อการมองเห็น สุดท้ายทำให้ใบหน้าผิดรูป โดยเฉพาะการฉีดบริเวณกล้ามเนื้อคออาจส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและลุกนั่งได้ลำบาก และการฉีดที่กล้ามเนื้อน่องต้องระวังในเรื่องอาการแทรกซ้อนเรื่องการปวดเมื่อยเกร็งมากขึ้น
นอกจากนี้ การฉีดสารดังกล่าวเข้ากล้ามเนื้อบ่อยๆ จะส่งผลให้กล้ามเนื้อบางลง ดังนั้น การฉีดโบท็อกซ์จำเป็นต้องมีข้อบ่งชี้ที่เหมาะสม ต้องมีแพทย์ที่เข้าใจเรื่องระบบกล้ามเนื้อและมีประสบการณ์ คุณภาพของยาต้องดี มีความบริสุทธิ์สูง
ด้าน รศ.นพ.นภดล นพคุณ นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันสมาคมฯ พยายามจัดการประชุมเชิงทฤษฎีและปฏิบัติเพื่อให้แพทย์มีความรู้ เพราะแม้แต่เป็นแพทย์ผิวหนัง ก็ถือว่าเป็นเทคนิคที่ยากที่จะฉีดสารเหล่านี้ให้ปลอดภัย ในวันที่ 14-16 ตุลาคม สมาคมฯเตรียมจัดงานครบรอบ 36 ปี สมาคมแพทย์ผิวหนังฯ ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยจะรวบรวมความรู้ความสวยความงามที่ปลอดภัยไว้มากมาย พร้อมทั้งเปิดบูธตรวจสภาพผิว พร้อมคำแนะนำทั้งเรื่องโบท็อกซ์ สารเติมเต็ม ฯลฯ ฟรี
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น