วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เทศบาลเมืองแพร่ เตรียมจัดงานประเพณีลอยกระทงปลอดเหล้า


เทศบาลเมืองแพร่ เตรียมจัดงานประเพณีลอยกระทงปลอดเหล้า
เทศบาลเมืองแพร่  เตรียมจัดงานประเพณีลอยกระทงปลอดเหล้า
เทศบาลเมืองแพร่ เตรียมจัดงานประเพณีลอยกระทง "จุดผางปะตี้ปตี๋นก๋า ปูจาแม่ก๋าเผือก" ประจำปี 2554 เน้นศิลปวัฒนธรรมอันงดงามตระการตา และรณรงค์ลอยกระทงปลอดเหล้า
นายโชคชัย พนมขวัญ นายกเทศมนตรีเมืองแพร่ และคณะกรรมการจัดงานประเพณีลอยกระทง “จุดผางปะตี้ปตี๋นก๋า ปูจาแม่ก๋าเผือก” ประจำปี 2554 แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่กาดสามวัย หน้าศาลากลางจังหวัดแพร่ โดยปีนี้เทศบาลเมืองแพร่ กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 8–10 พฤศจิกายน 2554 ณ บริเวณสวนสุขภาพเฉลิมพระเกียรติ ร.9 โดยมุ่งเน้นศิลปวัฒนธรรมอันงดงามตระการตา เพื่ออนุรักษ์ไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น และจัดกิจกรรมลอยกระทงปลอดเหล้า โดยกำหนดจุดห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภายในงานจัดให้มีการประกวดและการแสดงต่างๆมากมาย อาทิ ประกวดโคมลอย ประกวดกระทงฝีมือ ประกวดตีกลองปูจา ประกวดซุ้มประตูวัด การแข่งขันบอกไฟดอก ประกวดหนูน้อยนพมาศ ประกวดนางนพมาศ ประกวดดนตรีฟรีสไตล์ ประกวดวงดนตรีลูกทุ่งพร้อมหางเครื่อง การแสดงศิลปวัฒนธรรมอันงดงามของโรงเรียนสังกัดเทศบาลเมืองแพร่ การแสดงของศิลปินดีเด่นจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ปี 2543 วงดนตรีลูกทุ่ง “รากแก่น โปงลางโชว์” ของราชินีหมอลำ บานเย็น รากแก่น พร้อมชมขบวนแห่ที่ยิ่งใหญ่ตระการตา โดยเฉพาะขบวนแห่ธรรมหลวงถวายเทศน์มหาชาติ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้รับความร่วมมือจากชุมชนและสถานศึกษาหลายแห่งจัดขบวนแห่เข้าร่วม นอกจากนี้ยังมีการจัดงานจำหน่ายสินค้าที่หลากหลาย เพื่อกระตุ้นระบบเศรษฐกิจของจังหวัดแพร่และกระจายรายได้สู่ประชาชน อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดแพร่ในทางหนึ่งด้วย
สำหรับ “ประเพณีจุดผางปะตี้ปตี๋นก๋า ปูจาแม่ก๋าเผือก” เป็นประเพณีที่ชาวจังหวัดแพร่ ได้ถือปฏิบัติในงานประเพณีลอยกระทง เดือนยี่เป็ง ตามความเชื่อที่มีนิยายของชาวบ้านเล่าสืบต่อกันมาว่า เมื่อสมัยดึกดำบรรพ์ มีกาเผือกผัวเมียคู่หนึ่งทำรังอยู่บนต้นไม้ในป่าหิมพานต์ใกล้ฝั่งแม่น้ำ มีไข่อยู่ในรัง 5 ฟอง วันหนึ่งกาตัวผู้บินออกจากรังไปหาอาหาร เผอิญหลงทางกลับไม่ได้ก็บินกระเจิดกระเจิงสูญหายไป จนมาวันหนึ่งเกิดพายุใหญ่พัดรังกระจัดกระจาย แม่กาไม่เห็นไข่ทั้ง 5 ฟอง ก็เสียใจเป็นที่สุดจึงร้องไห้จนขาดใจตาย แล้วไปเกิดใหม่บนพรหมโลก มีชื่อว่า ท้าวพกาพรหม ส่วนไข่ทั้ง 5 ฟองพัดลงน้ำลอยไปคนละแห่ง และมีผู้นำไปพิทักษ์รักษาไว้คือ ฟองที่ 1 แม่ไก่นำไป ฟองที่ 2 แม่นาคนำไป ฟองที่ 3 แม่เต่านำไป ฟองที่ 4 แม่โคนำไป และฟองที่ 5 แม่ราชสีห์นำไป เมื่อครบกำหนดฟักไข่แตกออกกลับกลายเป็นมนุษย์ เมื่อหนูน้อยเติบโตขึ้นเห็นโทษในความเป็นฆราวาสจึงบวชเป็นฤาษี ทั้ง 5 เผอิญโคจรมาพบปะกันจึงต่างถามถึงนามวงศ์และมารดาของกัน ซึ่งต่างก็ไม่มีมารดา มีแต่มารดาเลี้ยงจึงได้พร้อมใจกันตั้งสัตย์อธิษฐาน ร้อนไปถึงท้าวพกาพรหม จึงจำแลงเป็นกาเผือกบินลงมาเกาะบนต้นไม้หน้าฤาษีทั้ง 5 แล้วเล่าเรื่องแต่เดิมให้ฟัง และบอกว่าหากคิดถึงมารดา ในวันเพ็ญเดือน 11 หรือ 12 ให้นำด้ายดิบผูกไม้เป็นตีนกาปักธูปเทียนบูชาลอยกระทงในแม่น้ำเถิด จึงเกิดประเพณีลอยกระทงหรือจุดผางปะตี๋ปตี๋นก๋า เพื่อบูชาท้าวพกาพรหมขึ้น ซึ่งหมายถึงบรรพบุรุษของฤาษี หรือในปัจจุบันหมายถึง การบูชาระลึกถึงบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว

  ข่าวโดย : เอนก จินดาหลวง ทีมข่าว สวท.แพร่
  หน่วยงาน : สวท.แพร่

วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554

พิธีเปิดงานการประชุมบริการสุขภาพนานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 4 เเละ Lanna Health Fair 2011

วันนี้(20 ตุลาคม 2554 เวลา 14.30 น.)มล.ปนัดดา ดิสกุล ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานการเปิดงาน  การประชุมบริการสุขภาพนานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 4 เเละ Lanna Health Fair 2011 



ซึ่งทางนางสาวปานจิตติ์ พิศวง พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เป็นที่ทราบโดยที่วกันว่ากลุ่มภาสคเหนือตอนบน 1 ประกอบไปด้วยจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เเละเเม่ฮ่องสอน ได้มีความโดดเด่น ศักยภาพ เเละความพร้อมทางการท่องเที่ยวหลายประการซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เเละเป้าหมายสำคัญคือ การเป็น health hub ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งการดำเนินการของธุรกิจสุขภาพในกลุ่มล้านนาโดยใช้เเนวความคิด "Think of Health Think of Lanna " ซึ่งงานนี้จะจัดในวันที่ 20 - 24 ตุลาคม 2554 ณ เชียงใหม่ฮอล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่เเอร์พอร์ต
ข่าวโดย รักพงศ์ คำซาว
ภาพโดย พิทยา มิตรานนท์ 

วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ภาควิชาวิทยาศาสตร์เภสัชกรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ร่วมกันในการปรุงยาแก้น้ำกัดเท้าและยุงกัดเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในหลายพื้นที่


วันนี้(วันที่ 19 ตุลาคม 2554) ภาควิชาวิทยาศาสตร์เภสัชกรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ร่วมกันในการปรุงยาแก้น้ำกัดเท้าและยุงกัดเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในหลายพื้นที่
รศ.ภก.ปราโมทย์ ทิพย์ดวงตา หัวหน้าภาควิชาวิทยาศาสตร์เภสัชกรรม มช. กล่าวว่า การปรุงยารักษาและป้องกันน้ำกัดเท้าและยุงกัดเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมได้เริ่มดำเนินการมาแล้ว 2 ปีซึ่งจากการดูข่าวหรือการเก็บข้อมูลต่างพบว่าโรคที่อาจจะเกิดขึ้นมากและง่ายที่สุดคือน้ำกัดเท้าและยุงกัดดังนั้นจึงได้รวบรวมเงินบริจาคจากในภาควิชาและนักศึกษา บุคลากร เจ้าหน้าในคณะในซื้อวัตถุดิบในการผลิตยา ซึ่งในลอตแรกนี้น่าจะผลิตได้ประมาณ 2,000 ชิ้นเพื่อกระจายไปยังกลุ่มต่างๆอาทิ กลุ่มทหาร กลุ่มกู้ภัย กลุ่ม facebook กลุ่มสื่อมวลชน ซึ่งจะมีการมอบและกระจายยาในวันพรุ่งนี้เวลา 10 โมงเป็นต้นไป
ซึ่งทางคณะวิทยาศาสตร์เภสัชกรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางภาควิชายินดีที่จะเป็นผู้ที่ผลิดปรุงยาเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทุกพื้นที่และท่านใดอยากจะสนับสนุนหรือบริจาคงบประมาณซื้อวัตถุดิบในการผลิตยาในราคา 15 บาทต่อชิ้นสามารถบริจาคได้ที่ ภาควิชาวิทยาศาสตร์เภสัชกรรมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โทรศัพท์ 053-944356 และ 089-8506590 หรือที่อีเมล์ Pharpost@gmail.com
ข่าวโดย ศูนย์ข่าวเยาวชนเฝ้าระวังภัยแอลกอฮอล์ ๗ สถาบันจังหวัดเชียงใหม่

ขอเชิญชวน..ชาวจังหวัดเชียงใหม่ทุกท่านร่วม "ตักบาตรชาวเชียงใหม่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม" ณ ถนนสายวัฒนธรรม (อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ถึง ประตู้หน้า มช.) ในวันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม 2554 เวลาโดยประมาณ 06.00 น. - 8.00 น.

ขอเชิญชวน..ชาวจังหวัดเชียงใหม่ทุกท่านร่วม "ตักบาตรชาวเชียงใหม่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม" ณ ถนนสายวัฒนธรรม (อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ถึง ประตู้หน้า มช.) ในวันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม 2554 เวลาโดยประมาณ 06.00 น. - 8.00 น. โดยท่าน มล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ให้เกียรติเป็นประธาน ....และในวันที่ 23 วัน ปิยะมหาราช มีพิธีปล่อยคาราวานช่วยน้ำท่วม ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ขอเชิญทุกท่าน ร......่วมทำบุญด้วยกันนะคะ ด้วยเป็นการใส่บาตรเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม มีของใช้บางรายการไม่สามารถใส่บาตรได้ หอการค้าจังหวังใหม่ ได้เตรียมจุดรับบริจาคสิ่งของไว้บริการ ณ บริเวณใกล้ประตูหน้า มช. (พระสงฆ์ 399 รูป)

รายการสิ่งของจำเป็นสำหรับบริจาคผู้ประสบภัยน้ำท่วม
1. อาหารแห้ง เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ผักกาดดองกระป๋อง ปลาราดพริก น้ำพริกกระปุก เนื้อเค็ม ไข่เค็ม หมูหยอง หมูแผ่น ฯลฯ ในปริมาณที่เพียงพอต่อการบริโภคไม่น้อยกว่า 3 วัน ที่สำคัญอย่าลืม ควรเป็นกระป๋องที่พร้อมเปิด
2. ข้าวหอมมะลิกระป๋อง และข้าวสาร หรือหากเดินทางไปแจกด้วยตนเอง อาจซื้อข้าวเหนียวนึ่งกับเนื้อหรือหมูทอดใส่ถุงเพราะไม่บูดง่าย (เนื่องจากผู้ประสบภัยบางคนได้รับอาหารกระป๋องจนเบื่อแล้ว)
3. น้ำดื่ม เครื่องดื่มแพ็คกล่อง และขนมปังกรอบ ขนมถุงต่าง ๆ ที่เด็กชอบ นมถั่วเหลืองและน้ำผลไม้สำหรับถวายพระฉันหลังเพล
4. นมผง และขวดนมสำหรับเด็กเล็ก พร้อมด้วยกระติกน้ำร้อนขนาดเล็ก ชนิดเสียบไฟได้
5. กระบอกไฟฉายพร้อมถ่าน ควรมีถ่านสำรองด้วยหลาย ๆ ชุด เทียนไข และไฟแช็ค
6. ชุดปฐมพยาบาล และยาสามัญประจำบ้าน ยาแก้น้ำกัดเท้า ยาทาแผลสด ยาดม ยาหม่อง ยาแก้ไข้แก้หวัด ยาแก้ไอ เจ็บคอ เกลือแร่ซอง ยาแก้ท้องเสีย และโลชั่นกันยุง
7. กระดาษทิชชู และกระดาษชำระแบบเปียก ใช้สำหรับการชำระล้างเพื่อสุขอนามัย
8. ถุงดำสำหรับใส่ขยะ เชือกฟางหรือหนังยาง สำหรับมัดปากถุง
9. ผ้าอนามัย และยาคุมสำหรับผู้หญิง ถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชาย ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กเล็กและคนแก่ กระโถน ถุงก๊อบแก๊บพร้อมที่นั่งถ่ายแบบของคนป่วย
10. เสื้อชูชีพ จำเป็นมากสำหรับคนแก่ คนป่วย และเด็ก ที่ควรมีไว้ประจำตัว
11. รองเท้าแตะยาง เสื้อกันฝน หมวกกันแดด ร่ม เสื้อยืด สบู่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าขาวม้า ผ้าถุง กางเกงในกระดาษ หน้ากากกันฝุ่น
12. นกหวีด เพื่อส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ
13. เชือกไนลอนเส้นยาว ๆ สำหรับผูกของ ตากผ้า ฯลฯ
14. กระจกเล็ก ๆ เอาไว้สะท้อนแสงขอความช่วยเหลือ
15. แผ่นพลาสติกและเทปกาว เพื่อใช้ในการทำที่หลบภัยภายในที่พักดูเพิ่มเติม

เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย ผ่านทางบัญชี

โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขากาดสวนแก้ว
ชื่อบัญชี: หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
เลขที่บัญชี: 531 – 0 – 41967 – 5 บัญชีออมทรัพย์
... ...
โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนท่าแพ
ชื่อบัญชี: หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อบรรเทาสาธารณะภัย
เลขที่บัญชี: 103 – 2 – 10000 – 5 บัญชีออมทรัพย์

โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาท่าแพ
ชื่อบัญชี: หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อบรรเทาสาธารณะภัย
เลขที่บัญชี: 501 – 4 – 12657 – 1 บัญชีออมทรัพย์

ชมรมสร้างเสริมสุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ,สมาคมสร้างสรรค์กิจกรรมเยาชน,มหาวิทยาลัยแม่โจ้มหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพเตรียมเดินทางเข้าช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ลพบุรีและนครสวรรค์

วันที่ 19 ตุลาคม 2554 ชมรมสร้างเสริมสุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ,สมาคมสร้างสรรค์กิจกรรมเยาชน,มหาวิทยาลัยแม่โจ้มหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพได้ได้จัดโครง  แม่โจ้พลังน้ำใจ  ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งจะมีกำหนดเดินทางไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในวันที่ 21 – 23 ตุลาคมนี้ที่จัดหวัดลพบุรี ตำบลเขาพระงาม  อำเภอเมือง  จังหวัดลพบุรีจำนวน  400 ครัวเรือน  และจังหวัดนครสวรรค์ศูนย์อพยพอาชีวนครสวรรค์  และศูนย์กัลยาณมิตร  จำนวน  200  ครัวเรือน ทั้งนี้ทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้โดยชมรมสร้างเสริมสุขภาพยังรับบริจาคสิ่งของจากพี่น้องประชาชนอยู่เรื่อยๆโดยสามารถสอบภามมาได้ที่หมายเลข 081-1666542 begin_of_the_skype_highlighting            081-1666542      end_of_the_skype_highlighting  เเละ  084-5440618 begin_of_the_skype_highlighting            084-5440618      end_of_the_skype_highlighting      ซึ่ง ชมรมสร้างเสริมสุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ,สมาคมสร้างสรรค์กิจกรรมเยาชน,มหาวิทยาลัยแม่โจ้มหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพมหาวิทยาลัยแม่โจ้จะปล่อยแถวในวันที่ 21 ตุลาคม เวลา 07.00 น. เพื่อเดินทางไปทั้ง 2 จังหวัด โดยรถของมณฑลทหารบกที่33(มทบ.33) 
ข่าวโดย นายรักพงศ์ คำซาว
สำนักข่าวเยาวชนเฝ้าระวังภัยแอลกอฮอล์ฝ่าวิกฤติน้ำท่วมใหญ่

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เทศบาลนครเชียงใหม่ รณรงค์“ใช้กระทงจากวัสดุธรรมชาติ"

นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ขอความร่วมมือประชาชน งานประเพณีเดือนยี่เป็ง 2554 นี้ เน้นทำกระทงจากวัสดุธรรมชาติ ต้นกล้วย ใบตอง เพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกและโฟม ลดมลภาวะทางน้ำ
นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวว่า การลอยกระทง ถือเป็นประเพณีที่ได้ปฏิบัติสืบทอดกันมายาวนาน การประดิษฐ์กระทงจากใบตองที่จะใช้ลอยน้ำนั้น ถือว่าเป็นแบบอย่างของการกระทงที่จะใช้ลอยน้ำมาจนถึงปัจจุบัน แต่ในปัจจุบันกระทงที่ใช้ลอยน้ำนั้นส่วนใหญ่จะเป็นโฟมหรือพลาสติก ซึ่งโฟมหรือ พลาสติกนี้จะใช้เวลาในการย่อยสลายในธรรมชาตินานมาก หากนำไปเผาทำลายอย่างไม่ถูกวิธี จะก่อให้เกิดมลพิษรวมทั้งสารไดออกซินอันเป็นสารก่อมะเร็งอีกทั้งขยะมูลฝอยประเภทโฟมหรือพลาสติก มีความคงทนและสามารถทนต่อแรงอัดได้สูง จึงใช้พื้นที่ในการฝังกลบมากกว่าขยะอย่างอื่น ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการนำกระทงที่ทำจากโฟมและพลาสติกไปลอยในแม่น้ำ ลำคลอง หรือแหล่งน้ำในสวนสาธารณะต่างๆ จะเป็นภาระในการจัดเก็บเนื่องจากไม่ย่อยสลาย เหมือนกระทงที่ทำจากใบตองหรือวัสดุธรรมชาติอื่นๆ ที่ย่อยสลายง่าย
นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในงานประเพณีเดือนยี่เป็ง 2554 นี้ ขอเชิญชวนให้ประชาชนช่วยส่งเสริมการประดิษฐ์กระทงจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ต้นกล้วย ใบตอง เพื่อเป็นการลดปริมาณขยะ และรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน



ที่มา  ทินกร คำบุญเริง ประชาสัมพันธ์เทศบาลนครเชียงใหม่


เชิญร่วมแต่งกายพื้นเมือง อู้กำเมือง ต้อนรับงานยี่เป็ง 2554

เทศบาลนครเชียงใหม่ เชิญร่วมแต่งตัวล้านนา อู้จ๋ากำเมือง ต้อนรับงานประเพณีเดือนยี่เป็งเชียงใหม่ 2554 ร่วมกันอนุรักษ์ไว้ซึ่งอีกหนึ่งความเป็นล้านนาให้ประจักษ์ต่อสายตา และอยู่ในความทรงจำของนักท่องเที่ยว เริ่มตั้งแต่1-15 พฤศจิกายน 2554 นี้



นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวว่า เทศบาลนครเชียงใหม่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน จัดให้มีงานประเพณีเดือน ยี่เป็ง ประจำปี 2554 ขึ้น ในระหว่างวันที่ 8-11 พฤศจิกายน 2554 ณ ข่วงประตูท่าแพ บริเวณสำนักงานเทศบาลนครเชียงใหม่ และจุดอื่นที่กำหนดไว้ทั่วเขตเทศบาลฯ ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นชาวล้านนาให้คงไว้สืบไป และขอเชิญชวนให้ประชาชนชาวเชียงใหม่ ข้าราชการ หน่วยงานรัฐและเอกชน ห้างร้าน พ่อค้า แม่ค้า ในจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมแต่งกายด้วยชุดพื้นเมือง พูดภาษาพื้นเมือง ตั้งแต่วันที่1-15 พฤศจิกายน 2554 นี้ เพื่อเป็นการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองเชียงใหม่ในงานประเพณีเดือนยี่เป็ง 2554 นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างบรรยากาศ สร้างสีสัน เพื่อให้ประเพณีเดือนยี่เป็ง เต็มไปด้วยความงดงามของวัฒนธรรมเมืองเหนือด้วยการตกแต่ง โคมไฟรอบเมือง การจัดซุ้มประตูป่า การแต่งกายด้วยชุดพื้นเมือง พูดภาษาพื้นเมือง ให้เป็นที่ประทับใจ และอยู่ในความทรงจำของนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน




ที่มา อาร์ท ทินกร คำบุญเริง ประชาสัมพันธ์เทศบาลนครเชียงใหม่

วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ประกาศรับสมัคร ผู้เข้าอบรมวิทยากรบรรยายโทษและพิษภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฮฮล์

ประกาศรับสมัคร
ผู้เข้าอบรมวิทยากรบรรยายโทษและพิษภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฮฮล์

วัตถุประสงค์
เป็นการพัฒนาทักษะการเป็นวิทยากรบรรยาย เรื่องโทษและพิษภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฮฮล์ให้กับบุคลากรในองค์กร และสามารถเป็นวิทยากรบรรยายฯ ให้กับหน่วยงานภายนอกได้

คุณสมบัติของผู้สมัคร
1.        เป็นผู้ที่มีใจรักอยากเป็นวิทยากรบรรยาย
2.        มีทักษะการพูดในที่สาธารณะ ไม่ขี้อาย กล้าแสดงออก
3.        มีมนุษย์สัมพันธ์ดี ร่าเริง ยิ้มแย้มแจ่มใส ใจกว้างกล้ารับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
4.        มีความเชื่อมั่นใจตัวเอง
5.        ต้องไปพูดบรรยายได้จริงไม่ใช่มาอบรมเพราะอยากรู้เฉยๆ

เงื่อนไขการรับสมัคร
1.      รับสมัครจำนวน 15 คน
2.      เป็นเจ้าหน้าที่ ส่วนกลาง สคล.  เครือข่ายใน กทม.  และเครือข่ายทุกภาค
3.      สมัครมาแล้วเราจะคัดเลือกรายชื่อและแจ้งกลับอีกทีว่าท่านได้ผ่านการคัดเลือกหรือไม่
4.      สำนักงานเครือข่ายองค์กรดงเหล้าเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด

กำหนดการอบรม
ช่วงเดือน พฤศจิกายน 2554
ระยะเวลา 2 วัน 1 คืน
สถานที่ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า

(ร่าง) โครงการอบรมวิทยากรบรรยายเรื่อง “โทษและพิษภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์”
วันที่ …………….  ……………………………..
โดย  สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า
วันแรก
หัวข้ออบรม
รายละเอียด
ช่วงเช้า
เส้นทางสู่การเป็นวิทยากร
- ความหมาย ความสำคัญของวิทยากร
- ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการพูดของวิทยากรตามหลักสากล
- คุณสมบัติของวิทยากรที่ดีมีประสิทธิภาพ
- เทคนิคการเตรียมตัวที่ดีของวิทยากร
- จรรยาบรรณและข้อพึงระวังของวิทยากร
ช่วงบ่าย
ลีลาของวิทยากรมืออาชีพ
- ยุทธวิธี เทคนิค การนำเสนอให้เป็นที่น่าสนใจ
- การบรรยายในกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ
- ฝึกปฏิบัติ
ช่วงค่ำ
เทคนิคการพูด
- การพูดในที่สาธารณะ
- การสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจ
- การพูดให้น่าฟัง
- ฝึกปฏิบัติ
วันที่สอง
หัวข้ออบรม
รายละเอียด
ช่วงเช้า
โทษและพิษภัยจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ศึกษาดูงานการบำบัดคนติดสุราที่ โรงพยาบาลธัญลักษณ์ จ.ปทุมธานี
ช่วงบ่าย
แลกเปลี่ยนเรียนรู้สิ่งที่ได้จากการอบรมครั้งนี้
ร่วมกันประเมินสาระความรู้ที่ได้ และความเหมาะสมของหลักสูตร





%……………………………………………………………………………………………………………………

ใบสมัคร
ผู้เข้าอบรมวิทยากรบรรยายโทษและพิษภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฮฮล์
********************

ชื่อ – สกุล…………………………………………………………………………………ชื่อเล่น……………………
สังกัดหน่วยงาน……………………………………………………………………………………………………….
เบอร์โทรศัพท์……………………………………………………Email……………………………………………...
คุณสมบัติของผู้สมัคร
1.        เป็นผู้ที่มีใจรักอยากเป็นวิทยากรบรรยาย
2.        มีทักษะการพูดในที่สาธารณะ ไม่ขี้อาย กล้าแสดงออก
3.        มีมนุษย์สัมพันธ์ดี ร่าเริง ยิ้มแย้มแจ่มใส ใจกว้างกล้ารับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
4.        มีความเชื่อมั่นใจตัวเอง
5.        ต้องไปพูดบรรยายได้จริงไม่ใช่มาอบรมเพราะอยากรู้เฉยๆ

กรุณาส่งใบสมัครภายในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2554
ผู้ประสานงาน น.ส.กัญญารัตน์  สุริยะวงค์  โทร. 08-5249-9928  E mail gunyarut.s@hotmail.com
สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า  Fax  02-9483930

วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่และพี่น้องญาติโยมช่วยกันในการบรรจุสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่จังหวัดพิจิตรและนครสวรรค์ในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า

วันนี้( 16 ตุลาคม 2554) คณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่และมหาจุฬาราชวิทยาลัยจังหวัดเชียงใหม่ได้ช่วยกันในการบรรจุสิ่งของบริจาคจากพี่น้องประชาชนที่จะนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยใน 2 จังหวัดคือจังหวัดพิจิตรและนครสวรรค์งานนี้มีทั้งพระสงฆ์ สามเณรและญาติโยมจะช่วยกันบรรจุสิ่งของใส่ถุง ซึ่งสิ่งของที่ได้รับบริจาคจากพี่น้องประชาชนมากมาย อาทิ ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม เสื้อผ้า สิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นพร้อมกันนี้ยังมีพี่น้องประชาชนมาทำอาหารและเครื่องดื่มบริการญาติโยมที่มาช่วยกันบรรจุสิ่งของเครื่องใช้
                และในพรุ่งนี้(วันที่ 17 ตุลาคม2554)เวลา 06.30 น.ที่วัดสวนดอกราชวรวิหารจะได้มีการปล่อยคาราวานของช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมโดยรถขนส่งของบริษัท นิ่มซี่เส็งขนส่ง 1998 จำกัด โดยจะน้ำสิ่งของบริจาคไปที่วัดท่าหลวง จังหวัดพิจิตรและที่พุทธอุทยาน จังหวัดนครสวรรค์
ข่าวโดย รักพงศ์ คำซาว
สำนักข่าวเยาวชนเฝ้าระวังภัยแอลกอฮอล์ ๗ สถาบันจังหวัดเชียงใหม่
วันที่ 16 ตุลาคม 2554 เวลา 17.00 น.

คณะสงฆ์อำเภอเมืองน่าน-ภูเพียงเเละหน่วยงานต่างๆได้นำเงินและข้าวสารอาหารแห้ง ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นไปมอบให้พี่น้องผู้ประสบภัยที่นครสวรรค์

เมื่อวานนี้ ( 15 ตุลาคม 54 ) ได้มีโอกาสไปร่วมกับคณะสงฆ์อำเภอเมืองน่าน-ภูเพียง นำโดยท่านเจ้าคณะอำเภอเมืองน่านท่านพระครูสิริธรรมภาณี , ท่านรองเจ้าคณะอำเภอเมืองน่าน ท่านพระครูสิรินันทวิทย์ พร้อมด้วยผู้สื่อข่าว ผู้แทนจากเทศบาลเมืองน่านและชุมชนต่างๆ นำเงินและข้าวสารอาหารแห้ง ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นไปมอบให้พี่น้องผู้ประสบภัยที่นครสวรรค์ ได้รับความกรุณาการสนับสนุนพาหนะจากหลายหน่วยงานเช่น เทศบาลเมืองน่าน,กองพันทหารม้าที่ 10, กองพันทหารม้าที่ 15 , จทบ.น่าน ฯลฯ ซึ่งประกอบไปด้วยเงินจำนวน 2 แสนกว่าบาท พร้อมทั้งข้าวสารอาหารแห้ง ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นเหล่านี้ ได้รับการบริจาคจากคณะสงฆ์ทั้งในอำเภอเมืองน่าน-ภูเพียง และพี่น้องประชาชน หน่วยงาน องค์กรต่างๆ เฉพาะสิ่งของเหล่านี้มีจำนวนถึง 5 คันรถทหาร ( รถยีเอ็มซี ) ได้มอบไว้ที่พุทธมณฑลสถานจังหวัดนครสวรรค์ซึ่งก็เป็นสำนักงานเจ้าคณะจังหวัดนครสวรค์ด้วย โดยมีผู้แทนฝ่ายสงฆ์คือเลขาท่านเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ตัวแทนฝ่ายฆราวาสคือท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ท่านวินัย สิทธิมณฑล เป็นผู้แทนรับมอบ
ในโอกาสนี้ มีทีมกู้ภัยของเทศบาลเมืองน่านซึ่งได้เดินทางกลับจากปฎิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจากจังหวัดอ่างทองและอยุธยามาสมทบ พวกเขาเดินทางไปปฎิบัติหน้าที่เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนซึ่งทีมนี้ เป็นทีมกู้ภัยทีมแรกๆจังหวัดแรกๆที่เข้าไปช่วยเหลือใน 2 จังหวัดที่กล่าวมา เขาเล่าให้ฟังว่า เมื่อเรือท้องแบนของเทศบาลเมืองน่านซึ่งติดป้ายชื่อเทศบาลเมืองน่านเข้าไปในหมู่บ้านที่อยู่ลึกเข้าไป ต้องใช้เวลาเดินทางถึง 5-6 ชั่วโมง บางบ้านถึงกับร้องไห้เมื่อเรือนำอาหารไปให้ บอกว่าซึ้งน้ำใจชาวน่าน เหมือนพระมาโปรดเพราะไม่ได้กินข้าวมา 2-3 วัน เนื่องจากอยู่ไกล ทีมกู้ภัยอื่นไม่ค่อยกล้าเข้าไปเนื่องจากกลัวกระแสน้ำและจระเข้ที่หลุดลอดออกมา แต่สมาชิกทีมกู้ภัยเทศบาลเมืองน่านก็ทำด้วยความสงสาร เห็นใจผู้ประสบภัย ถึงลำบากแค่ไหนก็เต็มใจทำ ( เท่าที่สังเกตดูสมาชิกทีมกู้ภัยทุกคนคล้ำแดด และท่าทางอ่อนเปลี้ยเหลือเกิน.. ) เขาเล่าว่า ชาวบ้านที่อยุธยาลำบากแสนเข็นที่สุด นอนบนหลังคาบ้าน วันไหนฝนตกก็ลำบากสุดๆ บางครอบครัวก็นอนบนพื้นถนน ยุงก็มาก และสมาชิกทีมก็อยู่กินเหมือนกับผู้ประสบภัยด้วยเพราะไม่มีแผ่นดินเลย มีแต่น้ำ ..เห็นใจและชื่นชมทีมกู้ภัยเทศบาลเมืองน่าน และผู้บริหารเทศบาลที่ส่งทีมไปช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยในนามชาวน่าน..



ข่าวจาก คุณ Tieamjit Chittawattana

วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554

อำเภอปายจัดงานมหกรรม 3 สื่อ ดนตรี ละคร สื่อพื้นบ้าน บูรณาการตลาดนัดเยาวชนคนสามวัย สานสายใยวัฒนธรรมชุมชนล้านนา”

วันนี้(15 ตุลาคม 2554 เวลา 18.00 น.)เทศบาลตำบลปาย,โรงพยาบาลปาย,เครือข่ายพัฒนาเด็กและเยาวชนอำเภอปายและ สสส.ได้ร่วมมือกันในการจัดงานเทศกาลศิลปวัฒนธรรมชุมชนเชิงบูรณาการ “มหกรรม 3 สื่อ ดนตรี ละคร สื่อพื้นบ้าน บูรณาการตลาดนัดเยาวชนคนสามวัย สานสายใยวัฒนธรรมชุมชนล้านนา” ซึ่งงานนี้ได้รับเกียติจากทาง สสส และหน่วยงานในท้องถิ่นรวมเปิดงาน  ซึ่งภายในงานนี้มีการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์อาทิ ซุ้มนิทรรศการวัฒนธรรมชุมชนล้านนา ชนเผ่า ชาติพันธุ์,กาดมั้ว ครัวละอ่อน ดนตรีพื้นบ้านและงานแข่งขัน
นอกเหนือจากนี้งานนี้ยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆในการขับเคลื่อนงานรณรงค์ครั้งนี้โดยการจัดบูทจากชมรมธุกิจท่องเที่ยว,ชมรมรักษ์เด็ก,เครือข่ายวิทยุชุมชนคนปาย

ข่าวโดย นายรักพงศ์ คำซาว
ภาพโดย Manop Yaemutai
สำนักข่าวเยาวชนเฝ้าระวังภัยแอลกอฮอล์ ๗ สถาบันจังหวัดเชียงใหม่

พระเมาแอ๋!กินเหล้าฉลองออกพรรษาขับรถกลับวัดไม่ถูก


พระเมาแอ๋!กินเหล้าฉลองออกพรรษาขับรถกลับวัดไม่ถูก
15 ตุลาคม 2554
นครศรีธรรมราช 15 ต.ค.- เมื่อเวลา 13.00 น.ตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช รับแจ้งจากพลเมืองดี มีพระภิกษุรูปหนึ่งขับรถยนต์กระบะอยู่ในสภาพเมามาย จึงรุดไปตรวจสอบ พบพระประเสริฐ สุทธิธัมโม อายุ 53 ปี พระลูกวัดนาสน ม.2 ต.ไชยมนตรี อ.เมืองนครศรีธรรมราช นั่งอยู่ที่เบาะหน้ารถกระบะอีซูซุ สีเทาดำ ทะเบียน บล-3241 นครศรีธรรมราช อยู่ในสภาพเมาสุราหนัก พูดจาพอจับใจความได้ว่า นำรถกระบะซึ่งตกแต่งเป็นเรือพระ มาร่วมขบวนเรือพระในงานประเพณีลากพระ ฉลองเทศกาลออกพรรษาของ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. และเมื่อคืนวานนี้ (14 ต.ค.) ได้ร่วมดื่มเหล้าขาวกับลูกศิษย์ไปหลายขวด จนกระทั่งเช้าวันนี้ ก็คิดจะกลับวัด แต่ปรากฏว่าลูกศิษย์ขับรถไม่ไหว เพราะเมาสุราอย่างหนัก พระประเสริฐซึ่งมีอาการเมาเช่นกัน จึงขับรถด้วยตัวเอง แต่ก็หลงทาง กลับวัดไม่ถูก จึงขับรถไปจอดบริเวณ ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง กระทั่งมีพลเมืองดีพบเห็นแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวไปที่ สภ.เมือง เพื่อรอให้เจ้าอาวาสวัดนาสน มาทำการสึกต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ชาวช้างม่อยสุดทน! ผุดป้ายต้านผับ-บาร์ตลอดสายประท้วงสถานบันเทิง

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ป้ายต้านผับ-บาร์ผุดทั่วถนนช้างม่อย หลังชาวบ้านสุดทนเหตุสถานบันเทิงเปิดในพื้นที่ เผยก่อปัญหาเพียบ ทั้งเปิดเกินเวลา-ส่งเสียงดัง-แขก “ฉี่-อ้วก” เรี่ยราดตามถนน หวั่นเป็นหัวหอกนำผับ-บาร์-สถานบันเทิงมาเปิดตลอดสายเหมือนย่านลอยเคราะห์ ด้านร้านเจ้าปัญหาน่าสงสัยเป็นโคลนนิ่งร้านดังฝั่งตรงข้ามตลาดสมเพชรที่โดนผู้ว่าฯ สั่งปิด

      
       รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ในวันนี้ (14 ต.ค. 2554) ที่บริเวณถนนช้างม่อย ปรากฏว่ามีแผ่นป้ายผ้าไวนิลจำนวนมากถูกติดอยู่ตามเสาไฟฟ้าตลอดเส้นทาง ตั้งแต่ต้นถนนช้างม่อยไปจนถึงจุดตัดกับถนนช้างม่อยตัดใหม่
      
       โดยแผ่นป้ายดังกล่าวซึ่งมีหลายรูปแบบและมีข้อความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษล้วนมีเนื้อหาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการมีผับและบาร์บนถนนช้างม่อย ซึ่งจากการสอบถามประชาชนในบริเวณดังกล่าวได้ข้อมูลว่า ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้จัดทำแผ่นป้ายดังกล่าวขึ้น และไม่ทราบว่าแผ่นป้ายดังกล่าวถูกติดตั้งขึ้นตั้งแต่เมื่อใด
      
       รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่มีการนำแผ่นป้ายดังกล่าวมาติดตั้งตามเสาไฟฟ้าบนถนนช้างม่อยตลอดสายนั้น เกิดจากการที่ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งเกิดความวิตกกังวล จากการที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งได้มาเปิดให้บริการบนถนนช้างม่อยตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ย. เป็นต้นมา
      
       โดยนับตั้งแต่สถานบันเทิงดังกล่าวได้เปิดให้บริการ ปรากฏว่ามีการเปิดให้บริการเลยกำหนดเวลาปิดตามกฎหมายมาโดยตลอด หรือบางครั้งเปิดให้บริการจนถึงช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้น ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบทั้งจากเสียงดังที่เกิดจากภายในและภายนอกร้าน และปัญหาความสะอาดจากการที่แขกที่มาเที่ยวบางส่วนปัสสาวะหรืออาเจียนเรี่ยราดตามหน้าบ้านเรือนหรือร้านค้าใกล้เคียง


      
       นอกจากนี้ ประชาชนในพื้นที่ยังเกิดความวิตกว่า หากสถานบันเทิงดังกล่าวได้รับความนิยมมากขึ้นแล้ว จะดึงดูดให้เกิดการลงทุนเปิดผับ บาร์ หรือสถานบันเทิงอื่นๆ บนถนนช้างม่อย ซึ่งจะส่งผลต่อวิถีชีวิตของชุมชนซึ่งเป็นย่านการค้าเก่าแก่ที่สำคัญแห่งหนึ่งในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ และอาจทำให้ย่านช่างม่อยมีสภาพเหมือนกับย่านลอยเคราะห์ที่เต็มไปด้วยผับ บาร์ และสถานบันเทิงต่างๆ จำนวนมากอบยู่บนถนนลอยเคราะห์ตลอดทั้งสาย
      
       อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่าสาเหตุที่ไม่มีการร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการ เป็นเพราะประชาชนบางส่วนหวั่นเกรงว่าจะเกิดปัญหากับทางสถานบันเทิง เนื่องจากเห็นว่าการที่สถานบันเทิงดังกล่าวสามารถเปิดเกินเวลาได้อย่างต่อเนื่องนั้น น่าจะเป็นเพราะมีผู้มีอิทธิพลคอยดูแล รวมทั้งมีผู้พบเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ที่มีลักษณะคล้ายคนในเครื่องแบบมาคอยดูแลความสงบเรียบร้อยภายในร้านอีกด้วย
      
       ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนหน้าที่สถานบันเทิงบนถนนช้างม่อยจะเปิดให้บริการนั้น เคยมีสถานบันเทิงอีกแห่งหนึ่งเปิดให้บริการอยู่ที่บริเวณริมคูเมืองเชียงใหม่ ฝั่งตรงข้ามตลาดสมเพชร ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากที่ตั้งของสถานบันเทิงแห่งใหม่นี้มากนัก โดยสถานบันเทิงดังกล่าวเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวว่าเปิดให้บริการเกินเวลาอยู่เป็นประจำ ต่อมาสถานบันเทิงแห่งนี้ได้ถูกสั่งปิดให้บริการตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งหลัวจากนั้นไม่นาน สถานบันเทิงบนถนนช้างม่อยก็ได้เปิดให้บริการ
      
       โดยที่มีลักษณะการตกแต่งร้านและการตั้งชื่อร้านที่ใกล้เคียงกับสถานบันเทิงที่ถูกสั่งปิดไปก่อนหน้านั้นเป็นอย่างมาก ขณะที่อาคารซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของสถานบันเทิงที่ถูกปิดกิจการไปก็มีการติดป้ายประกาศขายอยู่ในขณะนี้





ข้อมูลข่่าวจาก  

วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ชุมชนช้างม่อย ติดป้ายทั้งไทย-อังกฤษตลอดทางเพื่อแสดงจุดยืนไม่เอาผับ-บาร์


            ชุมชนช้างม่อย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ออกมาจัดการปัญหาของตนเองซึ่งบ่งบอกถึงความต้องการของคนในพื้นที่ที่พยายามจะสื่อสารให้คนทั้งเมืองได้รับทราบและเร่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาแก้ไขปัญหาดังกล่าว ถ้าเราได้มีโอกาสเดินทางไปกาดหลวงเชียงใหม่ – ถนนช้างม่อยจะพบป้ายที่แสดงถึงความต้องการของคนช้างม่อยที่ไม่เอาเหล้าเบียร์ อาทิ เอาความเป็นเมืองเจียงใหม่ คืนมาเอาผับบาร์ ออกไปไก๋ ไก๋เมือง ,ขอคืนความสุขกลับมา ขอเอาผับ บาร์ ออกไป,หากรัฐละเลยบ่ผ่อกอย จ้างม่อยจะเหมือนลอยเคราะห์ ซึ่งเราจะเรียกว่าเป็น “ช้างม่อย โมเดล ”ก็ว่าได้เพราะแนวทางนี้เพราะชุมชนอยากให้เกิดความสงบสุขและต้องการให้ถนนช้างม่อยเป็นถนนที่มีวัฒนธรรมและสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงานคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่
Attached Image: IMG_5001.JPG
Attached Image: IMG_4997.JPG

ขอบคุณภาพจาก www.cm108.com
ข่าวโดย สำนักข่าวเยาวชนเฝ้าระวังภัยแอลกอฮอล์ ๗ สถาบันจังหวัดเชียงใหม่

กิจกรรม “ปั่นสองล้อ ท่องล้านนา” จังหวัดละ 2 วัน เริ่มต้นที่เชียงใหม่ เสาร์/อาทิตย์ที่ 15/16 ตุลาคม 2554

ชมรมจักรยานวันอาทิตย์เชียงใหม่                       
                                                                                                                                                                                                              
              สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาภาคเหนือ 4 จังหวัดได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอนร่วมกับบริษัทลาเวลล์ เอนเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด ของทอดด์ ทองดี จะจัดกิจกรรม ปั่นสองล้อ ท่องล้านนา เพื่อผู้สนใจใช้จักรยานท่องเที่ยวระยะใกล้และไกล เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวสถานที่เด่นๆในแต่ละเมือง และนอกตัวเมือง และทำข่าว/สารคดีเผยแพร่ให้คนไทยและต่างประเทศที่รักการใช้จักรยาน สนใจมาท่องเที่ยวเมืองต่างๆของเรางานแถลงข่าวกิจกรรม ปั่นสองล้อ ท่องล้านนา” ได้ผ่านไปแล้วเมื่อวันอังคารที่ 11 ตุลาคม 2554  ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน รองนายกเทศมนตรีนครลำปาง และผอ.สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมแถลงข่าวเส้นทางปั่นท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ที่คนในเมืองแต่ละเมืองสามารถเข้าร่วมปั่นได้ ด้วยจักรยานที่มีอยู่แล้ว และมีสมาชิกชมรมจักรยานต่างๆ ที่มีประสบการณ์ ร่วมปั่นดูแลในขบวนตั้งแต่ต้นจนจบรายการ เมื่อปั่นแล้วเสร็จจะมีคณะกรรมการตัดสินจักรยานสวยงามหรือแต่งด้วยความคิดสร้างสรร เพื่อรับรางวัลที่จัดเตรียมไว้ให้
                     แต่ละจังหวัดจะมีกิจกรรม“ปั่นสองล้อ ท่องล้านนา” 2 วันต่อเนื่องกันในวันเสาร์และอาทิตย์ ดังนี้ คือ จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 15 - 16 ตุลาคม 2554  จังหวัดแม่ฮ่องสอน วันที่ 22 - 23 ตุลาคม 2554 จังหวัดลำพูน วันที่ 29 - 30 ตุลาคม 2554  จังหวัดลำปาง วันที่ 5 - 6 พฤศจิกายน 2554
 หลังกิจกรรมนี้ เราอยากเห็นกระแสการท่องเที่ยวโดยผู้รักจักรยาน เกิดขึ้นในกลุ่มคนที่มีจักรยานใช้อยู่แล้ว ในทุกจังหวัดทั่วประเทศไทยอย่างยั่งยืน ทั้งคนหนุ่มสาว ผู้ปกครองซึ่งมีลูกในวัย 7 – 8 ขวบเป็นต้นไป และในวัยกลางคนขึ้นไป..พาลูก-หลานปั่นจักรยานท่องเที่ยวในวันเสาร์-อาทิตย์ในทุกจังหวัดกันมากๆ ซึ่งแต่ละจังหวัดมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ศาสนา วัฒนธรรมและทางนิเวศอยู่มาก เพราะจะช่วยให้ทุกคนมีสุขภาพดีและเยาวชนของเราไม่เป็นโรคอ้วนที่กำลังระบาดเพราะความกินดี-อยู่ดีมากเกินไป ทำให้คนไทยสามารถช่วยตนเองได้เก่ง รักบ้านเกิด รักสิ่งแวดล้อมและภูมิใจในการมีส่วนช่วยกันประหยัดพลังงาน ลดโลกร้อน ด้วยชีวิตพอเพียง ส่วนนักท่องเที่ยวซึ่งปั่นขาแข็งปานกลางก็ท่องเที่ยวข้ามจังหวัดและให้สามารถนำจักรยานขึ้นรถโดยสารและรถไฟไปด้วยได้ ส่วนนัก ท่องเที่ยวต่างประเทศก็ควรประชาสัมพันธ์ให้เขารู้ว่า เรามีระบบการเช่าจักรยานในแต่ละเมืองอย่างไร และมีระบบจราจรที่ดูแลความปลอดภัยให้ด้วยหรือไม่ ถ้าเมืองไหนยังไม่มี ก็ต้องช่วยกันทำให้มี ซึ่งนายสุรพล ตันสุวรรณ รองนายกเทศมนตรีนครลำปางได้ประกาศในวันแถลงข่าวก่อนใคร ว่า เมืองลำปาง เป็นเมืองจักรยานของล้านนาแล้ว..เราขอเอาใจช่วย และขอให้เมืองเชียงใหม่เร่งหายใจรดต้นคอหรือแซงขึ้นหน้าโดยไม่ชักช้า โดยมาตรการดีๆ จากทั้งผู้ว่าฯเชียงใหม่ นายกเทศมนตรี และผู้บังคับการตำรวจภูธรเชียงใหม่ เพื่อให้คนเชียงใหม่ใช้รถถีบขี่เข้า-ออกและปั่นในคูเวียงได้ปลอดภัยเป็นพิเศษอย่างแท้จริง ซึ่งจะช่วยให้นักท่องเที่ยวที่ใช้จักรยานจากจังหวัดอื่นและจากต่างประเทศ เห็นคนเชียงใหม่ใช้จักรยานกันเพิ่มขึ้น และมีโอกาสได้เห็นแม่ญิงขี่รถถีบกางจ้องในคูเวียงทุกวันในปลายปีนี้