วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เครือข่ายงดเหล้าภาคเหนือบน-จัดโครงการ “จุดเปล่งแสง” เพื่อพัฒนางานเครือข่ายเยาวชนเฝ้าระวังภัยแอลกอฮอล์เพื่อหนุนงานประชาคมฯแต่ละจังหวัด

เมื่อวันที่ 8 – 12 ตุลาคมที่ผ่านมาทางสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคเหนือตอนบน(สคล.)ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)ได้จัดโครงการค่ายเยาวชนระดับภูมิภาคในชื่อโครงการ “จุดเปล่งแสง Spot Light Movement Camp 2011” ซึ่งเป็นโครงการที่เน้นการจัดงานเพื่อหนุนเสริมเครือข่ายเยาวชนให้มีความรู้ความเข้าใจทักษะงานรณรงค์เฝ้าระวังภัย และเคลื่อนไหวสังคมในการแก้ไขปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่ ๘ จังหวัดภาคเหนือตอนบนเเละเชื่อมเครือข่ายเยาวชนรณรงค์เฝ้าระวังภัยแอลกอฮอล์ระดับภาค เกิดพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ต่อเนื่องเเละเพื่อเสริมสร้างแรงบันดาลใจ/จิตอาสา ในการทำงานเพื่อสังคมท้องถิ่นร่วมกันในกลุ่มเยาวชนรณรงค์เฝ้าระวังภัยฯ ภาคเหนือตอนบน
กระบวนการในการเรียนรู้เน้นให้กลุ่มผู้เข้าร่วมได้เกิดทักษะจากการเรียนรู้จากพื้นที่จริงกล่าวคือ การจัดงานแถลงข่าวโครงการถนนคนเดินปลอดเครื่องแอลกอฮอล์และการลงพื้นที่สำรวจข้อมูลจุดเสี่ยงร้านที่มีการจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และการสัมภาษณ์ความคิดเห็นของประชาชนและผู้ประการร้านค้าในถนนคนเดินปายว่าอยากให้มีการจัดพื้นที่ปลอดเหล้าอย่างไรและยังมีทีมที่ลงพื้นที่ในการรณรงค์เพื่อสร้างความตระหนักถึงโทษภัยแอลกอฮอลืและเสริมสร้างความเข้มแข็งในครอบครัวพร้อมกันนี้เยาวชนค่ายจุดเปล่งแสงยังได้มีการใช้ข้อมูลเพื่อการผลักนโยบายท้องถิ่นในการจัดการปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนถนนคนเดินปายและเทศกาลกาดหลู่แก่ท่านนายอำเภอ ปายและท่านนายกเทศมนตรีตำบลปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า ขอบคูนน้องๆเยาวชนทุกคนที่ร่วมกันในการมองเห็นปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลืเพราะเป็นปัญหาหลักซึ่งเด็กไทยตกเป็นเหยื่อธุรกิจแอลกอฮอล์ตั้งแต่อายุยังน้อย และเชื่อมั่นเสมอว่าเยาวชนจะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย แนวการรณรงค์ และการเฝ้าระวังการบังคับใช้กฎหมาย และอยากให้เยาวชนใช้เครื่องมือสื่อสารต่างๆให้เกิดประโยชน์และฝากคำถามทิ้งท้ายแก่เยาวชนว่า “ถ้าเราไม่เป็นเหยื่อเราจะเป็นอะไร ?
ทางนายสิทธิชัย ซาวคำเขตร ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนเฝ้าระวังภัยแอลกอฮอล์ภาคเหนือตอนบน ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ทุกคนมาโครงการค่ายครั้งนี้จะได้วิธีการทำงานแบบใหม่ๆเป็นแนวทางในการแก้ไขอุปสรรคที่พบเจอมา ให้สามารถฝ่าฟันไปด้วย ที่สำคัญคือการทำงานเป็นกลุ่ม พลังกลุ่มและการเคลื่อนไหวสังคมคาดหวังว่าแต่ละพื้นที่จะได้ประสานงานกันและขยายเครือข่ายออกไปในวงกว้างพร้อมทั้งพัฒนางานรณรงค์ให้สังคมเมืองเหนือปลอดน้ำเมา
ข่าวโดย นายรักพงศ์ คำซาว ศูนย์ข่าวเยาวชนเฝ้าระวังภัยแอลกอฮอล์ภาคเหนือตอนบน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น