วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สกน.ร้องผู้ว่าฯ เชียงใหม่เคลียร์ปัญหาดอยหล่อ หลังนายทุนขนคนรื้อบ้าน-พืชเกษตรพังยับ


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สกน.ชุมนุมหน้าศาลากลางเชียงใหม่ ร้องจังหวัดสอบเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์บุกรื้อพืชผลการเกษตรในพื้นที่ดอยหล่อ หลังกลุ่มนายทุนพร้อมตำรวจบุกรื้อบ้าน-พืชผลพังยับแถมทำร้ายแกนนำบาดเจ็บ-จับชาวบ้านดำเนินคดี เรียกร้องจังหวัดเร่งสอบ 3 เรื่อง “ตำรวจคุ้มกันนายทุน-เยียวยาความเสียหายชาวบ้าน-สอบที่มาเอกสารสิทธิที่ดิน” ให้รู้ผลใน 15 วัน

       วันนี้ (7 ต.ค.) กลุ่มสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) จำนวนประมาณ 200 คน เดินทางมาชุมนุมที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ขอให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิและการรื้อถอนทำลายทรัพย์สินของชาวบ้านดอยหล่อ อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่

       เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธร อ.ดอยหล่อ พร้อมด้วยกำลังตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่ จำนวนประมาณ 300 คน ได้นำกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่ง ซึ่งอ้างว่าได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของที่ดิน เข้ามาข่มขู่และทำการรื้อถอนทำลายพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้าน ซึ่งเป็นสมาชิกของ สกน.และเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทยจนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งทำการจับกุมแกนนำชาวบ้านจำนวนหนึ่งไปดำเนินคดี รวมทั้งทำร้ายร่างกาย นายสุแก้ว ฟุงฟู กรรมการ สกน.จนได้รับบาดเจ็บ

       กรณีดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากปัญหาการบุกรุกเข้าไปอาศัยทำกินในพื้นที่ของกลุ่มนายทุน จำนวนประมาณ 700 ไร่ ตรงข้ามที่ว่าการอำเภอดอยหล่อของกลุ่มชาวบ้าน โดยกลุ่มชาวบ้านอ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวเดิมมีสภาพเป็นพื้นที่รกร้างที่ไม่มีผู้ใดครอบครองเป็นเจ้าของ แต่ต่อมาเมื่อมีการทำโครงการเร่งรัดสำรวจเพื่อออกโฉนดที่ดิน จึงมีการสำรวจและออกโฉนดของพื้นที่ดังกล่าว โดยมี นางจันทร์สม ชินวัตร ป้าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าของ ก่อนจะมีการซื้อขายเปลี่ยนมือจากนางจันทร์สม ไปสู่ผู้อื่น

       จนกระทั่งกลายเป็นหนี้เอ็นพีแอล และถูกนำออกขายทอดตลาดในช่วงปี พ.ศ.2540 ก่อนที่จะมีนายทุนจากนอกพื้นที่เข้ามาประมูลซื้อ โดยล่าสุด รายงานข้าวระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นของเครือญาติของ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช สมาชิกวุฒิสภา

       ขณะที่ในปี พ.ศ.2545 ชาวดอยหล่อและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นเกษตรกรที่ไร้ที่ดินทำกินได้เข้ามาทำประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าเป็นพื้นที่ที่ไม่มีผู้ใดเข้าทำประโยชน์ ซึ่งทำให้เกิดการฟ้องร้องกันระหว่างผู้ครอบครองที่ดินกับกลุ่มชาวบ้านมาโดยตลอด โดยชาวบ้านได้เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการตรวจสอบเอกสารสิทธิในพื้นที่ ซึ่งพบว่าพื้นที่ดังกล่าวถูกทิ้งร้าง ไม่มีการทำประโยชน์ใดๆ มามากว่า 10 ปี

       จึงได้เรียกร้องให้รัฐบาลนำที่ดินผืนดังกล่าวมาปฏิรูปให้ชาวบ้าน ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาได้อนุมัติให้มีการจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดินแล้วเพื่อเข้ามาดำเนินการในเรื่องดังกล่าว แต่เรื่องได้ชะลอการดำเนินการเพราะต้องรอให้รัฐบาลชุดใหม่เข้าบริหารประเทศก่อน จนกระทั่งเกิดเหตุกลุ่มนายทุนนำชายฉกรรจ์เข้ามารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและพืชผลทางการเกษตรของประชาชนดังกล่าว

       นายสุแก้ว ฟุงฟู กรรมการ สกน.ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว ระบุว่า ตนถูกทำร้ายร่างกายทั้งๆ ที่พยายามจะเข้าไปเจรจากับกลุ่มนายทุนโดยสันติ และยังถูกควบคุมตัวไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจ ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวถือเป็นการคุกคามประชาชนอย่างอุกอาจ และยังมีเป้าหมายที่ต้องการให้กลุ่มชาวบ้านรู้สึกเสียขวัญและหวาดกลัว นอกจากนี้พืชผลทางการเกษตรจำนวนมากของชาวบ้านยังถูกทำลายเสียหายโดยไม่มีผู้ใดรับผิดชอบ

       ด้าน นายประยงค์ ดอกลำไย แกนนำ สกน.กล่าวว่า กรณีดังกล่าวมีข้อสังเกตว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อ้างว่าเข้ามาในพื้นที่เพื่อให้ความคุ้มครองเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าไปทำการรังวัดพื้นที่ แต่เมื่อกลุ่มชายฉกรรจ์เริ่มทำการรื้อถอนทำลายสิ่งปลูกสร้างและพืชผลทางการเกษตร เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่ดำเนินการใดๆ อีกทั้งในวันนี้ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าจะมีการนำตัวชาวบ้านที่ตกเป็นผู้ต้องหามาส่งฟ้องต่ออัยการที่สำนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ แต่เมื่อสมาชิก สกน.เดินทางมาถึงแล้วกลับได้รับแจ้งว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำผู้ต้องหามาส่งฟ้องในวันจันทร์แทน ทางกลุ่มจึงต้องการให้ทางจังหวัดสอบสวนว่าใครเป็นผู้บงการให้เจ้าหน้าที่ของรัฐไปทำงานให้กับกลุ่มนายทุน

       ทั้งนี้ ทาง สกน.ได้ยื่นแถลงการณ์ของกลุ่มต่อ นายชูชาติ กีฬาแปง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมารับเรื่องดังกล่าวแทน หม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ที่ติดราชการ โดยระบุในแถลงการณ์ว่า

       1.ขอให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนร่วมในการคุ้มกันให้กลุ่มนายทุนรื้อถอนทำลายทรัพย์สินของชาวบ้าน 2.ขอให้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบความเสียหายและชดเชยเยียวยาแก่ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน และ 3.ขอให้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบกระบวนการได้มาของเอกสารสิทธิในพื้นที่พิพาทว่าได้มาโดยชอบหรือไม่ และผู้ถือกรรมสิทธิ์ได้ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ในพื้นที่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่

       โดยข้อเรียกร้องทั้งหมดนี้ขอให้ดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน และหากมีการแต่งตั้งคณะกรรมการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ ขอให้มีตัวแทนจาก สกน.เข้าร่วมด้วย

       นอกจากนี้ทาง สกน.ยังได้ร้องเรียนถึงกรณีความไม่ชอบมาพากลของการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงรายป่าแท่ง บ้านสันป่ายาง หมู่ 2 ต.สันป่ายาง อ.แม่แตง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะนั้นมีพื้นที่ตามการรังวัดเดิมประมาณ 218 ไร่ แต่จากการรังวัดใหม่กลับมีพื้นที่ถึงประมาณ 1,272 ไร่ ทำให้พื้นที่เกิดการทับซ้อนกับที่ทำกินของประชาชนในพื้นที่ โดยได้ขอให้ทางจังหวัดตรวจสอบที่มาที่ไปของการทำรังวัดด้วย

       ล่าสุด ในช่วงบ่ายวันนี้ จากการประชุมร่วมกันระหว่างตัวแทนของ สกน.กับนายชูชาติ กีฬาแปง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ต่อกรณีดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายได้ข้อสรุปว่าจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการ 2 ชุดเพื่อพิจารณาปัญหาในพื้นที่ อ.ดอยหล่อ และ อ.แม่แตง โดยกรณี อ.ดอยหล่อมอบหมายให้นายสุรชัย จงรักษ์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในการสืบสวนหาข้อเท็จจริงตามข้อเรียกร้องของ สกน. โดยกำหนดให้ได้ข้อสรุปภายใน 30 วัน ส่วนกรณีที่ อ.แม่แตงนั้นมอบหมายให้ฝ่ายปกครองและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ทำการออกสำรวจแนวเขตและตรวจสอลบสภาพพื้นที่ที่มีปัญหา โดยกำหนดให้ได้ข้อสรุปภายใน 30 วันเช่นกัน

ข้อมูลข่าวจาก ASTV

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น